เด็กๆควรจะเริ่มจัดฟันเมื่ออายุเท่าไหร่ ??
การเริ่มต้นการจัดฟันสามารถทำได้ที่อายุประมาณ 7-14 ปี ซึ่งอายุนี้มักเรียกว่า “อายุที่เหมาะสมในการจัดฟัน” หรือ “อายุที่เหมาะสมในการเริ่มจัดฟัน” อยู่ที่ระหว่าง 7 ถึง 14 ปี เพราะในช่วงนี้ฟันผู้ใหญ่จะเริ่มเติบโตขึ้นและเคลื่อนไหวเพื่อให้พัฒนาสำหรับกับการจัดฟัน
รวมถึงการเริ่มการจัดฟันอยู่ที่ความพร้อมและปัญหาทางทันตสุขภาพของเด็ก หากมีปัญหาที่ควรแก้ไขหรือการปรับแต่งฟันที่จำเป็น เช่น ฟันคดเคี้ยว ฟันคาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงอายุนี้ การเริ่มต้นจัดฟันอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
เด็กๆควรจะเริ่มจัดฟันเมื่ออายุเท่าไหร่ ??
- ความผิดปกติของการสบฟัน: ความผิดปกติของการสบฟันหมายถึงการสบฟันที่ไม่ตรงแนวหรือการที่ฟันบนและฟันล่างสบกัน ตัวอย่าง ได้แก่ ฟันสบ ฟันล่าง ฟันสบ และฟันสบเปิด การประเมินการจัดฟันตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยระบุและแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ก่อนที่จะแย่ลงตามอายุ
- การดูดนิ้วหัวแม่มือหรือนิ้ว: การดูดนิ้วหัวแม่มือหรือนิ้วเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อตำแหน่งของฟันและพัฒนาการของกราม การแทรกแซงแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยขจัดนิสัยเหล่านี้และป้องกันปัญหาการจัดฟันในอนาคตได้
- การเสียฟันก่อนกำหนดหรือการขึ้นช้า: หากเด็กสูญเสียฟันน้ำนมก่อนเวลาอันควรหรือมีฟันแท้ขึ้นช้า อาจส่งผลต่อการเรียงตัวของฟันข้างเคียง การประเมินการจัดฟันตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถช่วยตัดสินได้ว่าจำเป็นต้องมีการแทรกแซงใดๆ หรือไม่
- การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ: การบาดเจ็บที่ปากหรือฟันในช่วงวัยเด็กอาจนำไปสู่การไม่ตรงแนวหรือกระดูกหักที่อาจต้องรับการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน
- ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่: เด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่มักต้องการการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดูแลฟันโดยรวม
- ปัญหาการพูด: ฟันและกรามไม่ตรงแนวอาจทำให้พูดลำบาก การประเมินการจัดฟันในระยะแรกจะเป็นประโยชน์ในกรณีดังกล่าว
ดูแลอย่างไรหลังจัดฟัน
- ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ: หมั่นนัดตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำกับทันตแพทย์เด็กหรือทันตแพทย์จัดฟัน พวกเขาจะตรวจสอบสุขภาพช่องปากของเด็กเล็ก
- ใส่รีเทนเนอร์ตามที่กำหนด: หลังการจัดฟัน เด็กเล็กอาจจะต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับตำแหน่งเดิม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กเล็กสวมรีเทนเนอร์ตามที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำหรือไม่
- การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน: เน้นความสำคัญของสุขอนามัยช่องปากที่เหมาะสมต่อเด็กเล็ก กระตุ้นให้แปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง ครั้งละสองนาที และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน พฤติกรรมการดูแลสุขอนามัยช่องปากที่ดีจะช่วยป้องกันฟันผุและปัญหาเกี่ยวกับเหงือก
- หลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียวและแข็ง: เตือนเด็กเล็กให้หลีกเลี่ยงลูกอมเหนียว หมากฝรั่ง และอาหารแข็งที่อาจทำลายเครื่องมือจัดฟันหรือฟันได้ หลังการจัดฟัน สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังเกี่ยวกับประเภทของอาหารที่รับประทานเพื่อรักษาสุขภาพฟันที่ดี
- รักษาอาหารที่สมดุล: ส่งเสริมให้เด็กเล็กกินอาหารที่สมดุลซึ่งอุดมไปด้วยผลไม้ ผัก เมล็ดธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนม อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสนับสนุนสุขภาพช่องปากโดยรวมและช่วยในการรักษาผลการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน
- การดื่มน้ำ: กระตุ้นให้เด็กเล็กดื่มน้ำตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยชะล้างเศษอาหารและแบคทีเรีย และทำให้ปากชุ่มชื้น
- พฤติกรรมในช่องปาก: เลิกนิสัยที่เป็นอันตรายในช่องปาก เช่น การกัดเล็บหรือการเคี้ยวปากกา เนื่องจากอาจสร้างแรงกดบนฟันโดยไม่จำเป็นและส่งผลต่อการเรียงตัวของฟัน
- การนอนกัดฟัน: หากเด็กเล็กมีนิสัยชอบกัดฟัน (นอนกัดฟัน) ให้ปรึกษาทันตแพทย์หรือทันตแพทย์จัดฟันเกี่ยวกับวิธีแก้ไขที่เป็นไปได้ เช่น ชุดนอน เพื่อป้องกันฟันจากความเสียหาย
- การทำความสะอาดฟัน: ดำเนินการตามกำหนดเวลาการทำความสะอาดฟันและตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุดและตรวจหาปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่น ๆ
- เด็กเล็กควรจัดฟันจริงมั้ย แนะนำว่าจริง เพราะช่วยให้ฟันของเด็กเล็กเข้าที่ได้เร็ว ช่วยเพิ่มทักษะการออกเสียงและพูดได้ แต่การตัดสินใจจัดฟันในเด็กเล็กควรให้คำแนะนำจากทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาฟันเด็ก ทันตแพทย์จะทำการประเมินสภาพฟันและช่องปากของเด็กเล็ก เพื่อให้คำแนะนำและตัดสินใจให้เหมาะสมกับเด็กในแต่ละกรณี นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงความพร้อมใจและความสามารถในการดูแลเรื่องทันตสุขภาพของเด็กเล็กเอง และพร้อมที่จะรับการรักษาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่กำหนดโดยทันตแพทย์