ไม่ปวดก็ไม่สำนึก นี่คือเรื่องจริงที่เรามักจะมองข้ามความใส่ใจดูแลเรื่องสุขภาพปาก ใครอยากมียิ้มสวยไปจนแก่ต้องรีบอ่านด่วน เพราะฟันซี่เดียว มันเกี่ยวกับความสุขทั้งชีวิต และนี่คือเรื่องแปลกแต่จริง กับ 12 ซี่ความรู้เรื่องฟัน ๆ
1. โรคเหงือกเริ่มต้นมาจากอาการเหงือกอักเสบ
ซึ่งถ้ารักษาแต่เริ่มแรกก็จะหายขาดได้ อาการของเหงือกอักเสบคือ การบวม แดง และเหงือกนุ่ม เกิดเลือดออกเวลาแปรงฟัน ถ้าคุณพบอาการเหล่านี้ ให้พบทันตแพทย์ก่อนที่อาการจะลุกลามร้ายแรงขึ้น
2. อาการเสียวฟันเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น
เหงือกของเราจะเริ่มร่นตามธรรมชาติตลอดเวลา ทำให้บริเวณที่ไม่มีสารเคลือบฟันถูกเปิดออก ซึ่งบริเวณเหล่านี้จะเกิดอาการปวด เมื่อสัมผัสกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนหรือเย็น ในรายที่เป็นมาก อากาศเย็น หรืออาหารที่เปรี้ยวหรือหวานก็สามารถทำให้เกิดการเสียวฟันได้ ถ้าคุณมีอาการเสียวฟัน ควรใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟัน และถ้ายังไม่หาย ควรพบทันตแพทย์ เพราะอาการเสียวฟันอาจเป็นสัญญาณของอาการร้ายแรงอื่น ๆ ได้ เช่นฟันผุ หรือฟันหัก/แตก
3. เลือกรับประทานอาหารที่มีความจำเป็นต่อเหงือกและฟัน
ผักผลไม้ที่มีความแข็งและเส้นใย ก็จะช่วยทำความสะอาดฟันและเนื้อเยื่อด้วย แต่อาหารที่มีความนุ่มและเหนียว มีโอกาสที่จะติดอยู่ตามซอกฟันและทำให้เกิดคราบแบคทีเรียได้ง่าย ควรจำกัดความถี่ในการรับประทานอาหารว่างระหว่างมื้อ และควรจะเลือกรับประทานอาหารว่างที่มีประโยชน์ เช่น เนยแข็ง ผักสด โยเกิร์ต หรือผลไม้
4. น้ำอัดลม ตัวการสำคัญของปัญหาสุขภาพช่องปาก
สมาคมกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกประกาศเตือนถึงพิษภัยของการบริโภคน้ำอัดลม โซดา ว่าเป็นแหล่งสำคัญในการทำให้เกิดอาการฟันผุ เพราะกรดและกรดที่เกิดจากน้ำตาลในน้ำอัดลม จะไปทำให้สารเคลือบฟันอ่อนบางลง ซึ่งส่งผลให้เกิดการก่อตัวของฟันผุ
5. การดูแลแปรงสีฟัน และการเปลี่ยนแปรงสีฟัน
แปรงสีฟันสามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้หากปล่อยให้ก่อตัวขึ้น และเวลาผ่านไปอาจพัฒนาไปเป็นเชื้อที่ร้ายแรงขึ้นได้
จากการศึกษาพบว่า แปรงสีฟันที่มีการใช้งานมานานกว่า 3 เดือนจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบพลัคที่อยู่บนเหงือก และฟันได้ต่ำกว่าแปรงสีฟันอันใหม่ ควรเปลี่ยนแปรงสีฟัน เนื่องจากเชื้อโรคอาจยังหลงเหลือแอบซ่อนอยู่ตามขนแปรง และอาจนำไปสู่การติดเชื้อใหม่อีกครั้ง
6. แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เพื่อที่จะกำจัดคราบแบคทีเรีย หรือแผ่นฟิล์มเหนียวที่เกาะอยู่บนฟันของเราและทำให้เกิดฟันผุ
7. ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน
เพื่อกำจัดคราบแบคทีเรียระหว่างซอกฟัน และร่องเหงือก ก่อนที่มันจะจับตัวแข็งเป็นหินปูน เพราะเมื่อเกิดเป็นหินปูนแล้ว จะต้องอาศัยทันตแพทย์เท่านั้นที่จะเอาออกได้
8. จำกัดการรับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล
โดยเฉพาะอาหารที่มีความเหนียว ยิ่งรับประทานบ่อยมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เกิดโอกาสที่จะกรดในคราบแบคทีเรีย จะเข้ามาทำลายฟันเท่านั้น
9. รับประทานส้มทุกวัน
เพราะจะทำให้คุณได้รับวิตามินซี ซึ่งมีการวิจัยมาแล้วว่าจะช่วยลดอาการอักเสบบวมของเหงือก ที่มาของปัญหาทางช่องปากและฟัน
10. เคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาล
ระหว่างเคี้ยวหมากฝรั่งจะมีน้ำลายออกมา จะช่วยล้างคราบกรดและทำให้เคลือบฟันแข็งแรง ควรแปรงฟันหลังดื่มเครื่องดื่มที่เป็นกรด แต่อย่าแปรงทันที ต้องทิ้งช่วงห่างอย่างน้อย 20 นาที
11. ใช้หลอดดูดกาแฟ หรือไวน์
ฟังดูแปลกหน่อย แต่เขาบอกว่าช่วยลดการทิ้งคราบลงบนฟันขาวได้ดี
12. พบทันตแพทย์ ทุก 6 เดือน เป็นประจำ
เพื่อทำการตรวจและทำความสะอาดช่องปาก
ที่มา
● Kapook.com