โรคเหงือก เป็นพื้นฐานปัญหาในช่องปากที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งส่งผลเสียตั้งแต่ กลิ่นปาก จนไปถึง การสูญเสียฟัน ปัญหาโรคเหงือกเรื่องใกล้ตัวที่มักถูกมองข้าม
อาการของโรคเหงือก วิธีสังเกตว่ากำลังมีปัญหาเหงือกอักเสบ
- เหงือกแดงหรือบวมผิดปกติ
- มีเลือดออกระหว่างแปรงฟัน
- เหงือกร่นลงทำให้เห็นฟันยาวขึ้นผิดปกติ
- ฟันเคลื่อนหรือขยับเวลาเคี้ยวอาหาร
- และมีกลิ่นปาก เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคปริทันต์อักเสบ
- การสูบบุหรี่
- โรคเบาหวาน
- การไม่รักษาสุขภาพช่องปาก
- ความเครียด
- กรรมพันธุ์
- ฟันเก ฟันซ้อน
- ผู้ที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์
- ภูมิต้านทานต่ำ
- ขาดสารอาหารบางชนิด
อาการของโรคเหงือก แบ่งเป็น 4 ระยะดังนี้
- ระยะแรก : เหงือกบวม เหงือกอักเสบ ที่เรียกกันว่าโรคเหงือกอักเสบ
มีการอักเสบแค่เหงือก (ปวด บวม แดง บริเวณเหงือก) แต่ยังไม่มีการทำลายกระดูกรองรับฟัน
- ระยะที่สอง : โรคปริทันต์อักเสบระยะต้น
ระยะที่เริ่มมีการทำลายของกระดูกรองรับรากฟัน ไม่เกิน 1 ใน 3 ซี่ฟัน
- ระยะที่สาม : โรคปริทันต์อักเสบระยะกลาง
ระยะที่มีการทำลายกระดูกรองรับรากฟัน จาก 2 ใน 3 ของซี่ฟัน แต่ยังไม่ถึงปลายราก
- ระยะที่สี่ : โรคปริทันต์อักเสบระยะปลาย
การรักษาโรคเหงือก
เมื่อมีอาการเหงือกบวม หรือเจ็บเหงือก ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการรักษา เบื้องต้นควรบรรเทาอาการด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลช่องปากและฟัน ตามคำแนะนำต่อไปนี้
- แปรงฟันให้สะอาดและใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดซอกฟันด้วย
- ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อเพิ่มการผลิตน้ำลาย ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งแบคทีเรียในช่องปากได้
- หากเหงือกบวมอักเสบและปวดมาก อาจรับประทานยาแก้ปวด แล้วรีบไปพบทันตแพทย์
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel: 02-1744610
line : @forfun